จำหน่ายพันธุ์ปลาน้ำจืดทุกชนิด เช่น ปลาดุกบิ๊กอุย ปลาดุกรัสเซีย ปลาสวาย ปลาสลิด ปลาแรด ปลาทับทิม ปลานิล ปลาจาระเม็ด และอื่นๆ บริการส่งทั่วไทย

บริหารงานโดย ประทีปพันธุ์ปลา
ที่ตั้งฟาร์มปลา 120/2 หมู่ 3 ต.เกรียงไกร อ.เมือง จังหวัดนครสวรรค์ 60000
089-856-3941 (เจ๊ประนอม)
062-446-5364 (มดดำ)


บริการส่ง Order ขั้นต่ำ 15,000 บาท

ประทีปพันธุ์ปลา จำหน่ายพันธุ์ปลาน้ำจืด คุณภาพการันตีด้วยประสบการณ์ด้านการเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดมากกว่า 30 ปี ฟาร์มของเรามีความใส่ใจและเชี่ยวชาญในการคัดเลือกพ่อและแม่พันธุ์ปลาที่มีความแข็งแรง สายพันธุ์ดี ปลอดโรค เพื่อนำมาเพาะขยายพันธุ์ปลา อีกทั้งเรายังมีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับอนุบาลลูกพันธุ์ปลาน้ำจืด ให้ได้ขนาดมาตราฐานและมีความแข็งแรงอัตราการรอดสูง เพื่อส่งถึงมือเกษรกรไทยผู้เลี้ยงปลาน้ำจืดทั่วภูมิภาค พันธุ์ปลาคุณภาพมาตรฐาน ราคายุติธรรม บริการส่งถึงที่ ทำให้ประทีปพันธุ์ปลาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วภูมิภาค ดำเนินงานโดย เจ๊ประนอม แก้วงาม และน้องมดดำ รับปรึกษาปัญหาเรื่องพันธุ์ปลา อาทิเช่น การเพาะพันธุ์ปลา การเลี้ยงลูกปลาและลูกพันธุ์ปลา การจัดจำหน่ายพันธุ์ปลาน้ำจืด และทุกเรื่องเกี่ยวกับลูกปลาน้ำจืด
การเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาสวาย การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลานิล
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาแรด การเพาะเลี้ยงลูกปลาทับทิม การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาสลิด
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลากดเหลือง การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาบึก การเพาะเลี้ยงปลาเทโพ
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลากราย การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลากระโห้ การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาตะเพียน
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลายี่สก การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาจีน การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาไน
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลากระพง การเพาะพันธุ์ปลาจาระเม็ดน้ำจืด  
 
การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาจีน
ปลาจีนปลาจีนเป็นชื่อที่ใช้เรียกปลา 3 ชนิด คือ ปลาเฉาหรือเฉาฮื้อ หรือปลากินหญ้า ปลาลิ่นหรือปลาลิ่นฮื้อ หรือปลาเกล็ดเงิน และปลาซ่งหรือซ่ง ฮื้อหรือปลาหัวโต ปลาทั้งสามชนิดนี้เป็นปลาที่นำเข้ามาจากประเทศจีน เมื่อนำมาเลี้ยงในประเทศไทย พบว่า ปลาทั้งสามชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดีโดยเฉพาะ การเลี้ยงในบ่อที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปลาจะไม่วางไข่ในบ่อเลี้ยง จึงจำเป็นต้องเพาะพันธุ์ดดยวิธีการฉีดฮอร์โมนผสมเทียม

แหล่งกำเนิด
ปลาจีน มีแหล่งกำเนิดอยู่ในภาคกลางและภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น แถบลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง

ลักษณะทั่วไป
ในบรรดาปลาจีนทั้ง 3 ชนิดนี้ ปลาลิ่นและปลาซ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันมากที่สุด จะสังเกตุความแตกต่างได้จากลักษณะของหัว ซึ่งปลา ซ่งมีหัวค่อนข้างโตเมื่อเทียบกับลำตัว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปลาหัวโต (Bighead carp) ไม่มีสันบริเวณท้อง ตรงข้ามกับปลาลิ่นซึ่งมีหัวขนาดเล็ก กว่าและมีสันแหลมบริเวณท้อง ปลาทั้งสองชนิดนี้มีเกล็ดสีเงินแวววาว แต่บางครั้งเกล็ดของปลาซ่งจะมีสีดำเป็นจุดอยู่บนเกล็ดบางส่วน สำหรับปลาเฉานั้นมี เกล็ดขนาดใหญ่ นอกจากนั้นลำตัวยังกลมและยาวมากกว่า ส่วนหลังมีสีดำน้ำตาล ส่วนท้องสีขาว

ปลาเกล็ดเงิน (ปลาลิ่น) (Silver carp)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hypophthalmichtys molitrix (Cuv.&Val) ส่วนหัวมีขนาดปานกลาง ปากเชิดขึ้นเล็กน้อยอยู่ปลายสุดของหัว ขากรรไกรล่างเฉียงขึ้นมาเล็กน้อย ตาค่อนข้างเล็กและอยู่ต้ระดับกึ่งกลางลำตัว ส่วนหนังของเหลือกไม่เชื่อมสนิทกับแก้มส่วนล่าง มีอวัยวะ Super branchial อยู่ ซี่กรองเหงือกติดต่อกันเหมือนตะแกรงที่มีลักษระคล้ายฟองน้ำ ฟันที่คอหอยมีข้างละแถวๆ ละ 4 ซี่ พื้นหน้าตัดของฟันแบนเป็นร่องละเอียด ครีบหลังมีก้านครีบเดี่ยว 3 ก้าน และก้านครีบแขนง 7 ก้าน ครีบก้นมีก้านครีบเดี่ยว 3 ก้าน และก้านครีบแขนง 11-14 ก้าน ครีบอกมีครีบเดี่ยว 1 ก้าน และมี ก้านครีบแขนง 17 ก้าน ครีบท้องมีก้านครีบเดี่ยว 1 ก้าน และมีครีบแขนง 8 ก้าน เกล็ดบนเส้นข้างลำตัวมี 110-123 เกล็ดลำตัวรูปกระสวยแบนข้างส่วนท้อง เป็นสันยาวจากอกถึงรูก้น ลำตัวส่วนหลังสีดำ เทา ส่วนอื่นๆ สีเงิน

ปลาหัวโต (ปลาซ่ง) (Bighead carp)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aristichthysnobilis (Richardson) ส่วนหัวมีความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของลำตัว ปากอยู่ปลายสูงสุดและ เชิดขึ้นข้างบน ขากรรไกรล่างเฉียงขึ้นข้างบนเล็กน้อยตาค่อนข้างเล็กอยู่ต่ำเยื้องมาทางส่วนหน้าซี่กรองเหงือกถี่และมีขนาดเล็กแต่ไม่ติดกัน ที่คอหอยมีฟัน ข้างละแถวๆ 4 ซี่ พื้นหน้าตัดของฟันแบนและเรียบ ครีบบนหลังมีก้านครีบเดี่ยว 3 ก้าน และก้านครีบแขนง 11-14 ก้าน ครีบอกมีก้านครีบเดี่ยว 1 ก้านและ ก้านครีบแขนง 17 ก้าน ครีบท้องมีก้านครีบเดี่ยว 1 ก้าน และก้านครีบแขนง 8 ก้าน เกล็ดเล็กที่เส้นข้างลำตัว มี 95-105 เกล็ด ลำตัวกระสวย ส่วนท้องเป็น สัน ตั้งแต่ครีบท้องถึงครีบก้น หางแบนข้างและเป็นสัน ส่วนหลังจะมีสีคล้ำและจุดดำบางแห่งท้องเหลือง

ปลากินหญ้า (ปลาเฉา) (Grass carp)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ctenopharyngodon idellus (Cuv.&val) ส่วนหัวค่อนข้างแบนปากอยู่ปลายสุดเฉียงขึ้นเล็กน้อยขากรรไกร ล่างสั้นกว่าขากรรไกรบน ตาเล็ก ซี่เหงือกติดต่อกับแก้ม ซี่กรองเหงือกห่างและสั้น ฟันที่คอหอยมีอยู่ 7 แถวคล้ายหวี ข้างซ้ายมี 2-5 ซี่ ข้างขวามี 2-4 ซี่ครีบ หลังสั้นมีก้านครีบเดี่ยว 3 ก้าน และก้านครีบแขนง 7 ก้าน ครีบก้นมีก้านครีบเดี่ยว 3 ก้าน และก้านครีบแขนง 8 ก้าน ครีบอกมีก้านครีบเดี่ยว 2 ก้าน ก้านครีบ แขนง 14 ก้าน ครีบท้องมีก้านครีบเดี่ยว 1 ก้าน และก้านครีบแขนง 8 ก้าน เกล็ดขนาดใหญ่บริเวณข้างลำตัว 34-35 เกล็ด ลำตัวรูปกระสวยคล้ายทรงกระบอก หางแบนข้าง ส่วนหลังมีสีดำ น้ำตาล ท้องสีขาว

การเพาะพันธุ์ผสมเทียมปลาจีน

1.การเลี้ยงพ่อ - แม่พันธุ์

ควรเลี้ยงในบ่อดินขนาดประมาณ 800 ตารางเมตรขึ้นไป ปลาจีนทั้ง 3 ชนิดนี้สามารถปล่อยรวมกันได้ในอัตรา 50-80 ตัว/ไร่ (ปลาขนาด 2-3 กิโลกรัม) ในเรื่องอาหารนั้นควรเตรียมอาหารธรรมชาติ โดยใส่ปุ๋ยคอก 250 กิโลกรัม/ไร่ ประมาณ 5-7 วัน น้ำจะเขียว เมื่อเลี้ยงไปสักระยะหนึ่งน้ำเริ่ม จางก็เติมปุ๋ยคอกในอัตราครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ใส่ครั้งแรก สำหรับปลาเฉานั้น ควรให้ข้าวเปลือกงอกเป็นอาหารเสริม
อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะดวกอาจให้อาหารเม็ดสำหรับปลากินพืชในอัตรา 1-2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวก็ได้ ในระหว่างการเลี้ยงควรมี การถ่ายเทน้ำ(หรือเติมน้ำ) เข้าบ่อ 3-4 ครั้ง/เดือน โดยเฉพาะในช่วง 1-2 เดือน ก่อนฤดูการผสมพันธุ์ สำหรับอายุแม่ปลานั้นแมีปลาที่มีอายุประมาณ 1-2 ปี จะให้ไข่ที่มีคุณภาพดี

2.การคัดเลือกพ่อ - แม่พันธุ์

ก่อนที่คัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ ต้องงดให้อาหาร 1 วัน เพื่อจะสามารถสังเกตท้องปลาได้แน่นอน ในกรณีที่เลี้ยงโดยการใส่ปุ๋ย ควรนำพ่อ-แม่ ปลามาขังไว้ในบ่อพักก่อนการคัดเลือกประมาณ 5-6 ชั่วโมง แม่ปลาที่มีไข่แก่จัดสังเกตุได้จากส่วนท้องอูมเป่ง ผนังท้องบาง จับดูรู้สึกนิ่มหยุ่นมือช่องเพศและ ช่องทวารหนักหนักพวมพองมีวีแดงเรื่อๆ สำหรับปลาเพศผู้ไม่ค่อยมีปัญหามากนักอาจจะลองรีดน้ำเชื้อดูเล็กน้อยหากน้ำเชื้อมีสีขาวขุ่นหยดลงน้ำแล้วกระจาย ดีก็ใช้ได้ แต่หากน้ำเชื้อค่อนข้างใสมีสีอมเหลืองหรืออมชมพูหยดลงน้ำกระจายไม่สม่ำเสมอ ไม่ควรนำตัวผู้นั้นมาผสมเทียม

.3.การฉีดฮอร์โมน
ในการเพาะพันธุ์ปลาจีนนั้น ในอดีตนิยมใช้ต่อมใต้สมองร่วมกับ HCG แต่ปัจจุบันนิยมใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ LHRH-a ร่วมกับยา เสริมฤทธิ์ Domperidone

4.การผสมพันธุ์
เมื่อได้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากการฉีดแม่ปลาควรเริ่มสังเกตอาการของแม่ปลา เมื่อแม่ปลามีอาการกระวนกระวายผิดปกติว่าย น้ำไปมาอย่างรุนแรง ควรตรวจสอบแม่ปลาโดยใช้เปลผ้าตักแม่ปลาขึ้นมาตรวจสอบ เมื่อพบว่าไข่ไหลพุ่งออกมาอย่างง่ายดาย ก็นำมารีดและทำการผสมเทียม กับน้ำเชื้อตัวผู้

5.การฟักไข่

เนื่องจากไข่ของปลาทั้ง 3 ชนิดนี้ เป็นไข่ครึ่งจมครึ่งลอย จึงต้องพักในระบบกรวยฟัก เช่นเดียวกับปลาตะเพียนขาวเพียงแต่ต้องลด ปริมาณไข่ในแต่ละกรวยให้น้อยลง เนื่องจากไข่ปลาเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าไข่ปลาตะเพียนขาว โดยกรวยฟักขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร ลึก 60 เซนติเมตร จะฟักไข่ปลาจีนได้ประมาณ 30,000-50,000 ฟอง เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 20-24 ชั่วโมง จะฟักเป็นตัวที่อุณหภูมิน้ำ 28-30 องศาเซล เซียส

การอนุบาลลูกปลา
ลูกปลาทั้ง 3 ชนิด เมื่อแรกออกจากไข่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมากจะเริ่มกินอาหารภายในระยะเวลา 2-3 วัน การอนุบาลลูกปลาทั้ง 3 ชนิดนี้ ในระยะเวลา 2-3 วันแรก จะให้กินไข่แดงต้มละลายน้ำ ฉีดให้กินวันละหลายครั้ง หลังจากนั้นจึงย้ายลูกปลาลงบ่ออนุบาล ซึ่งเป็นบ่อดินที่เตรียมไว้อย่างดีก็คือ กำจัดศัตรูปลาโรยปูนขาวและใส่ปุ๋ยจนน้ำมีสีเขียว ในระยะแรกยังให้ไข่ปลาเป็นอาหารอยู่ จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรำผสมปลาป่นถ้าปล่อยลูกปลาในอัตรา 1,000-1,500 ตัว/ตารางเมตร อนุบาล 3-4 สัปดาห์ จะได้ลูกปลาขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร
อีกวิธีหนึ่งคือ นำพันธุ์ปลาที่ซื้อจากฟาร์มจำหน่ายลูกปลา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาด 3-5 เซนติเมตร มาเลี้ยงโดยเลี้ยงลูกปลารวมกันในอัตรา ส่วนปลาเฉา 5-7 ตัว/ตารางเมตร ปลาซ่ง 12-15 ตัว/ตารางเมตร หรือปลาเฉา 5-7 ตัว/ตารางเมตร ปลาลิ่น 12-15 ตัว/ตารางเมตร เมื่อเลี้ยงได้ขนาด 10- 15 เซนติเมตร จัดคัดขนาดลงในบ่อเลี้ยงเพราะปลาขนาดนี้มีพัฒนาการทางด้านร่างกายสมบูรณ์ เช่น ปลาเฉามีฟันที่คอหอยที่สมูรณ์พอที่จะตัดบดหญ้าหรือ วัชพืชน้ำก็ได้ เมื่อคัดประมาณ 10-15 เซนติเมตร ออกไปเลี้ยงหรือจำหน่ายแล้ว ควรปล่อยปลาเล้กทดแทนตามจำนวนปลาที่คัดออกไปพร้อมทั้งใส่ปุ๋ยคอก และให้อาหารได้แก่ กากถั่วเหลือง รำละเอียด แหนเป็ด ผำน้ำ วัชพืชน้ำและหญ้า เป็นอาหารเพิ่มเติม

การจัดการบ่อเลี้ยง
จากสถิติผลผลิตการเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ปี 2546 พบว่า ประเทศไทยมีฟาร์มเลี้ยงปลาจีนทั้งสามชนิดอยู่ 613 ฟาร์มรวมเนื้อที่ 721.97 ไร่ ผลผลิต 200.07 ตัน (ศูนย์สารสนเทศ,2546) และจากการศึกษาพบว่า ปลาจีนทั้งสามชนิดนั้นจะเจริญเติบโตได้เร็วมากถ้าหากได้รับการเลี้ยงอย่างถูกวิธีซึ่ง พอจะจำแนกปัจจัยที่ทำให้การเลี้ยงได้ผลผลิตสูงขึ้นดังนี้
1.ความลึกของน้ำ 1.5-2.0 เมตร
2.ขนาดของบ่อ ควรมีขนาด 2-5 ไร่
3.คุณสมบัติของดิน ดินปนทรายดีที่สุด เพราะทำให้การเน่าสลายของพวกอินทรีย์สารดี มีการดูดซึมพวกปุ๋ยและการคงไว้ขนาดพวก เกลือแร่อย่างดี
4.รูปแบบบ่อ ควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า (ความยาว:ความกว้าง: 3:2) ซึ่งงายและสะดวกต่อการจัดการ
5.การทำความสะอาดบ่อ หลังจากการเลี้ยงปลาไปในระยะหนึ่งพื้นก้นบ่อจะมีตะกอนเพิ่มขั้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นควรจะมีการลอก เลนกำจัดตะกอน ที่เกิดขึ้นออกจากบ่อ
6.คุณสมบัติของน้ำ ควรมีความเป็นกรดเป็นด่าง 7-8.5 และปริมารออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำระหว่างการเลี้ยงควรสูงกว่า 2 ppm. เพราะถ้าปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำกว่า 2 ppm. ปลาจะกินอาหารน้อยลง และจะหยุดกินอาหารเมื่อออกซิเจนต่ำกว่า 1 ppm. ปลาจะลอยหัวและตายเมื่อออก ซิเจนในน้ำอยู่ระหว่าง 0.2-0.5 ppm. ดังนั้นถ้าสังเกตเห็นปลาที่เลี้ยงมีการลอยหัวจะต้องทำการเปลี่ยนน้ำ หรือฉีดพ่นผ่านอากาศลงในบ่อเพื่อเพิ่มออกซิเจน อุณหภูมที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส
7.การเตรียมบ่อ ในกรณีที่เป็นบ่อเก่า ควรปรับปรุงบ่อโดยนำโคลนหรือซากอินทรีย์วัตถุที่เหลืออยู่ในบ่อออกเสียก่อนที่จะปล่อยปลาลง เลี้ยงถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น สารพิษต่างๆ เช่น กรดอินทรีย์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์และแก๊สมีเทน ฯลฯ จะสลายออกมาจากสารเน่าเปื่อยได้ง่ายและเร็วขึ้น สำหรับบ่อซึ่ง เคยมีปัญหาเรื่องโรคปลาควรมีการฆ่าเชื้อเสียก่อน และเมื่อพบรอยรั่วหรือรูตามคันบ่อให้รีบซ่อมแซมทันที หลังจากทำความสะอาดบ่อแล้วจึงทำการตากบ่อ โดยใช้ปูนขาวและกากชากำจัดศัตรู
ในกรณีที่เป็นบ่อใหม่ถ้าดินเป็นกรดมากควรใส่ปูนขาว เพื่อแก้สภาพความเป็นกรดของดินให้เจือจางหรือหมดไป อัตราส่วนการใช้ปูน ขาว 1 กิโลกรัมต่อเนื้อที่ 10 ตารางเมตร การใส่ปุ๋ยให้ระบายน้ำเข้าบ่อประมาณ 30-40 เซนติเมตร แล้วใส่ปุ๋ยตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน จะมีไรน้ำเกิด ขึ้น ให้ปล่อยปลาลงเลี้ยง

การเลี้ยงปลาขนาดตลาด
การเลี้ยงปลาจีนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในรูปใดรูปหนึ่งเท่านั้น การพิจารณาการเลี้ยงปลายังต้องคำนึงถึงเรื่องการตลาดว่า เมื่อเลี้ยงปลาจีน ชนิดใดชนิดหนึ่งออกมาแล้วสามารถจำหน่ายได้หรือไม่ ดั้งนั้นเกษตรกรจึงควรเลือกเลี้ยงปลาจีนชนิดไหนก็ได้ที่ตอบสนองตลาดได้ดี สำหรับรูปแบบการเลี้ยง นั้น นอกจากจะพิจารณาลักษณะบ่อแล้วต้องพิจารณาลักษณะการกินอาหารของปลาซึ่งจะกล่าวต่อไปโดยสังเขป
ปลาลิ่น เป็นปลากินแพลงก์ตอน โดยปลาที่มีอายุตั้งแต่ 1-8 วัน จะกินแพลงก์ตอนสัตว์ (Zooplankton) เป็นหลัก แต่เมื่ออายุมากกว่า นี้จะกินแพลงก์ตอนพืช (phytoplankton) หรือน้ำเขียวเป็นหลักและกินแพลงก์ตอนสัตว์รองลงมา
ปลาซ่ง เป็นปลากินแพลงก์ตอนโดยจะกินแพลงก์ตอนสัตว์เป็นหลักตั้งแต่เล็กจนโต
ปลาเฉา ปลาขนาดเล็กที่มีขนาดเล็กกว่า 15 เซนติเมตร จะกินอาหารจำพวกเดียวกัลหลาลิ่นและปลาซ่ง คือแพลงก์ตอนสัตว์และแพลงก์ ตอนพืช แต่เมื่อมีขนาดโตขึ้นจะกินอาหารพวกพรรณไม้น้ำและหญ้า
จากลักษณะการกินอาหารของปลาจีนทั้งสามชนิดพอเป็นแนวทางในการจัดบ่อเลี้ยง อันได้แก่การใส่ปุ๋ยคอกให้เหมาะสม จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงปลาจีนทั้งสามชนิดตอนที่มีขนาดเล็กนั้นไม่ควรเลี้ยงรวมกัน แต่เมื่อปลาโตขึ้นก็สามารถนำมาเลี้ยงรวมกันได้ แต่ต้องเตรียมอาหารในบ่อให้ถูกต้องกับ ลักษณะการกินอาหารของปลาที่เลี้ยง ปัจจุบันการเลี้ยงปลาควรหันมาสนใจเรื่องตลาดให้มากขึ้นเพราะว่าการจัดการเรื่องอาหารนั้น สามารถให้อาหารสมทบ หรืออาจเป็นอาหารสำเร็จรูปของปลากินพืช โดยให้ในอัตรา 1-2% ของน้ำหนักตัวปลาที่ปล่อย

รูปแบบการเลี้ยง
สำหรับรูปแบบการเลี้ยงนั้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.การเลี้ยงปลาจีนแบบรวมกันเองใช้บ่อขนาดตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไปปล่อยปลาเฉา ลิ่น ซ่ง และปลาไน อัตราส่วน 2:1:1:1 อัตราการ ปล่อยปลา 1 ตัว/4 ตารางเมตร สำหรับปลาที่ปล่อยควรมีขนาด 10-15 เซนติเมตร (ได้จากที่กล่าวมาแล้ว) โดยใช้หญ้าสดเป็นอาหารและใส่ปุ๋ยคอกเป็นหลัก นอกจากนั้นให้อาหารปลาสมทบแก่ปลาปริมาณ 2% ของน้ำหนักปลา
2.การเลี้ยงปลาจีนในคอก โดยเลือกแหล่งน้ำที่เป็นอ่างที่มีความลึกในระดับ 3-5 เมตรและในที่ดังกล่าวควรมีระดับน้ำต่ำสุดประมาณ 1.5 เมตร ขนาดของคอกควรมีพื้นที่ประมาณ 200-1,600 ตารางเมตร โดยใช้อวนพลาสติกขนาดช่องตาประมาณ 2.5-5.0 เซนติเมตร ตามขนาดปลาที่ เลี้ยง การปล่อยควรปล่อยปลาเฉาเป็นหลัก (ถ้าแหล่งน้ำนั้นมีพรรณไม้น้ำมาก) ขนาดปลาเฉาที่ปล่อยควรมีขนาดไม่ต่ำกว่า 15 เซนติเมตร สำหรับปลาชนิดอื่น เช่น ลิ่น ซ่ง และปลาไน ควรปล่อยรวมกันประมาณ 30% ของปลาทั้งหมด อัตราที่ปล่อยปลาในคอกประมาณ 1-2 ตัว/ตารางเมตร
3.การเลี้ยงปลาจีนร่วมกับปลาชนิดอื่นๆ วิธีนี้เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะเป็นการเพิ่มผลผลิตปลาในบ่อ เช่น การเลี้ยงปลา สวายหรือปลานิลจะปล่อยปลาซ่งไปในอัตราส่วน 10% ของปริมาณปลาที่ปล่อยไปทั้งหมดการเลี้ยงแบบนี้ใช้มูลสุกรสำหรับอาหารปลาสวายและปลานิลส่วน ปลาซ่งเป็นปลาที่ช่วยกินแพลงก์ตอนในบ่อหรือการเลี้ยงปลาสวายในบ่อร่วมกับปลานิลโดยใช้เศษอาหารที่เหลือจากร้านอาหารโดยจะปล่อยปลาเฉา ปลาลิ่น ปลาซ่งและปลาไน เพิ่มขึ้นอีกประมาณไร่ละ 20 ตัวทั้งนี้เมื่อรวมลูกปลาที่ปล่อยลงทั้งหมดประมาณ 5 ตัว/ตารางเมตร โดยมีการจัดการที่ดีในด้านอาหารและ ควรรักษาตคุณสมบัติของน้ำในบ่อ ผลผลิตของปลาโดยการเลี้ยงปลาแบบรวมนี้จะได้ประมาณ 1,000-2,000 กิโลกรัม/ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาหารที่ใช้เลี้ยงและ สถานที่ตั้งของบ่อที่สามารถถ่ายเทน้ำได้สะดวกทุกฤดูกาล

การจับและลำเลียงปลาเล็ก
เนื่องจากพันธุ์ปลาจีนเป็นปลาที่ตายง่าย การจับและการลำเลียงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นเพื่อมิให้ปลาบอบช้ำ สาเหตุที่ปลาบอบช้ำมีหลาย ประการ
1.เครื่องมือจับปลา ต้องเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น อวนควรเลือกขนาดที่ปลาไม่ติดช่องตาอวนหรือจะใช้ยอ อวนป่านเปล ส่วนแหไม่ เหมาะที่จะนำมาใช้
2.วิธีตีอวน แม้จะเป็นเครื่องมือที่ดีแต่หากตีอวนไม่เป็นปลาจะได้รับความบอบช้ำ
3.การตักและนับปลา เมื่อได้ตีอวนรวบปลามาอยู่ในถุงอวนแล้วควรพักลูกปลาให้ขับถ่ายของเสียสักระยะหนึ่งก่อน และควรมีน้ำพ่นเป็น ฝอยเพื่อช่วยเพิ่มอากาศให้ปลาหายใจ การตักและนับปลาต้องระมัดระวังเครื่องมือที่ใช้ควรเป็นกระสอบผ้าไนล่อนเนื้อนิ่มหรือจานสังกะสีเคลือบไม่ควรใช้มือ หรือกระชอนไม้ไผ่เป็นอันขาาด
4.การลำเลียง ปัจจุบันนิยมใช้ลำเลียงโดยถุงพลาสติกอัดแก๊สออกซิเจน

การป้องกัน
เมื่อได้ปล่อยปลาลงเลี้ยงการป้องกันควรมีลวดตาข่ายถี่หรืออวนกั้นล้อมขอบบ่อจะช่วยให้ปลารอดตายมากขึ้น ฤดูร้อนปลากินอาหารดีมีอัตรา การเจริญเติบโตเร็วกว่าฤดูฝนและฤดูหนาว ในฤดูฝนเวลาเช้าปลามักจะลอยบนผิวน้ำเป็นประจำ เนื่องจากอากาศครึ้มออกซิเจนในน้ำมีน้อยไม่เพียงพอกับความ ต้องการของปลาส่วนฤดูร้อนและฤดูหนาวอากาศแจ่มใส มีแสงแดดพรรณไม้น้ำและพืชที่มีสีเขียวสามารถปรุงอาหารได้ในเวลาเดียวกันก็จะคายออกซิเจนออก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อปลาและสิ่งที่มีชีวิตซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำ

ข้อควรพึงระวังเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาจีน
1.ศัตรู ผู้เลี้ยงปลาจะประสบความสำเร็จและได้ผลกำไรมากหรือน้อยนั้น ศตรูเป็นสิ่งสำคัญที่ระมัดระวังโดยเฉพาะ นก งู กบ และปลากิน เนื้อบางชนิด เช่น ปลาช่อน ปลาไหล ฯลฯ
2.น้ำเสีย เมื่อสังเกตเห็นปลาลอยหัวบนผิวน้ำติดๆกัน 3 วัน ในเวลาเช้าแสดงว่าน้ำเสียปริมาณออกซิเจนไม่เพียงพอกับความต้องการของ ปลาควรเปลี่ยนน้ำใหม่
3.อาหาร ควรให้อาหารประจำทุกวันและกำจัดเศษอาหารที่เหลือหากปล่อยทิ้งไว้น้ำอาจเสียได้
4.ขโมย เนื่องจากเป็นปลาราคาดีและจำหน่ายได้ง่าย ผู้เลี้ยงมักจะถูกแกล้งและถูกขโมย ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้เลี้ยงขาดทุน

การจำหน่าย
ปัจจุบัน ปลาจีนมีการจำหน่าย 2 รูปแบบ คือขนาด 7-8 ขีด นำไปประกอบอาหารโต๊ะจีนและขนาด 1.5-2 กิโลกรัม เช่น ปลานึ่ง หัวปลาหม้อ ไฟ ฯลฯ

แนวโน้มการเลี้ยงปลาจีนในอนาคต
แนวโน้มด้านการตลาดของปลาจีนยังคงอยู่ในสภาวะที่มีปริมาณความต้องการบริโภคสูง เนื่องจากเป็นปลาที่มีรสชาติดีราคาไม่แพงมากนัก และนิยมประกอบอาหารเป็นปลาจานระดับภัตตาคาร อย่างไรก็ตามการเลี้ยงปลาจีนในขณะนี้ ส่วนใหญ่มิได้เลี้ยงปลาเป็นหลักแต่จะปล่อยเสริมเพื่อการใช้ประ โยชน์จากทรัพยากรในแหล่งน้ำโดยมิให้เกิดความสูญปล่า เนื่องจากปลาจีนจะกินอาหารต่างระดับกับปลาหลัก มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วไม่ค่อยพบปัญหา โรคระบาด ดังนั้นปลาจีนจึงเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งซึ่งมีตลาดค่อนข้างจะแน่นอน อันจะเสริมสร้่งความมั่นใจให้แก่ผู้เลี้ยง

 



ที่มาข้อมูล สำนักงานประมงประจวบคีรีขันธ์
 

 

 
 

ปริมาณจัดส่งพันธุ์ปลาถึงบ่อ
ลูกค้าขั้นต่ำ 15,000 บาท
ต่ำกว่ารบกวนมารับที่ฟาร์ม
เรายินดีต้อนรับค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติม

 
 
 
 
   
  เทคนิคการเลี้ยงปลาน้ำจืด
  การเลี้ยงปลานิลหมัน
   
  ข้อมูลปลาน้ำจืดเศรษฐกิจ
 
ปลากราย
ปลาชะโด
ปลาดุกอุย
ปลาเนื้ออ่อน
ปลาบู่ทราย
ปลาลิ้นหมา
ปลาสลาด
ปลาหมอช้างเหยียบ
ปลาหมูขาว
ปลาไหล
ปลาตะเพียนทราย
ปลาสวาย
ปลาสร้อยขาว
ปลานวลจันทร์

ปลาช่อน
ปลาดุกด้าน
ปลาเทโพ
ปลาบึก
ปลายี่สก
ปลาสร้อยเกล็ดถี่

ปลาสลิด
ปลาหมอ
ปลาหลด
ปลาตะเพียน
ปลาตะเพียนทอง
ปลาหมอเทศ
ปลาสังกะวาด
  พันธุ์ปลาน้ำจืดของไทย
 
กดหิน แขยงหิน
กระดี่นาง
กะสูบขีด
กา เพี้ย
เข็ม
แขยงธง
เค้าขาว
ช่อนงูเห่า
ตองลาย
ตะพาก ปีก
บึก ไตรราช
ม้า กวาง
เวียน
ปลานิล
กระดี่หม้อ
กะทุงเหว
กะแหทอง
แก้มช้ำ
ลูกผึ้ง อีดูด
เสือพ่นน้ำ
หางไหม้
กดเหลือง
กะทิงดำ หลาด
กะสูบจุด
ก้างพระร่วง
แขยงข้างลาย
คางเบือน
จีด
ดุกลำพัน
ตะโกก โจก
ตูหนา ไหลหูดำ
พรมหัวเหม็น
แรด เม่น มิ่น
หัวตะกั่ว หัวเงิน
ปลาทับทิม
กะทิงไฟ
กระมัง
กระโห้
พลวงหิน
เสือตอ
หมอตาล
   
  สายพันธุ์ปลาสวยงาม
 
ซัคเกอร์
กระดี่หม้อ
ปลาหมอสี
ปลาหางนกยูง
ปลาทอง
ปลาคาร์พ
ปลาเทวดา
ปลาตะพัด

กระดี่แคระ
ปลากัดไทย
สอดแดง
ปลาปอมปาดัวร์
ปลากาแดง
ปลาเซลฟิน
ปลาม้าลาย
  แหล่งรวมความรู้เรื่องปลา
  ปลากดเหลือง
ปลาไน (VDO)
ปลาบึก (VDO)
   
  บทความน่าสนใจ
 

การสังเกตุพฤติกรรมของปลาที่เลี้ยง
การเลี้ยงลาดุก
เทคนิคการลำเลียงขนย้ายลูกปลา
การเลี้ยงลูกปลาน้ำจืดแบบพัฒนา
การเลี้ยงปลาน้ำจืดของไทยแบบผสมผสาน
การเพาะเลี้ยงไรน้ำจืด
อาหารปลาเพื่อการพึ่งพาตนเอง
การเลี้ยงปลาในนาข้าว
ชีววิทยาและการผสมพันธุ์ปลาเสือตอ
รวมชื่อวิทยาศาตร์ปลาน้ำจืดของไทย
ความหลากหลายของปลาน้ำจืด
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประมงน้ำจืด
การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก (เกษตรพอเพียง)

  เอกสารการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยในบ่อพลาสติก โดยกรมส่งเสริมการเกษตร
  บทความพันธุ์ปลาน้ำจืดอื่นๆ
   
 
     
 
หน้าแรก | จำหน่ายพันธุ์ปลาน้ำจืืด | บทความน่าสนใจ | การเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย | การเพาะพันธุ์ปลาสวาย | การเพาะพันธุ์ปลานิล | การเพาะพันธุ์ปลาแรด | การเพาะพันธุ์ปลาสลิด | การเพาะพันธุ์ปลากดเหลือง | การเพาะพันธุ์ปลาทับทิม | การเพาะพันธุ์ปลาสลิด | การเพาะพันธุ์ปลาตะเพียน | การเพาะพันธุ์ปลายี่สก | การเพาะพันธุ์ปลาจีน | การเพาะพันธุ์ปลาไน | การเพาะพันธุ์ปลากระพง | การเพาะพันธุ์ปลาบึก | การเพาะพันธุ์ปลาเทโพ | การเพาะพันธุ์ปลากราย | การเพาะพันธุ์ปลากระโห้ | คำถามที่พบบ่อย | จำหน่ายลูกปลา | ประทีปพันธุ์ปลา | ติดต่อฟาร์มพันธุ์ปลา

© Copyright ประทีปพันธุ์ปลา (Bestfish4u.com) จำหน่ายพันธุ์ปลาน้ำจืดทุกชนิด  All rights reserved.