ปลาทับทิม
หรือ ปลานิลแดง เป็นปลาที่ผสมข้ามพันธุ์ระหว่างปลานิลและปลาหมอเทศ
อีกนัยหนึ่งหมายถึงสายพันธุ์หนึ่งของปลานิลที่มีสีแดงอ่อน
(ปลานิลจิตรลดา)
ปลาทับทิม เป็นปลาที่สามารถเลี้ยงในเชิงเศรษฐกิจได้ เนื่องจากปลาทับทิมเป็นปลาเนื้อที่มีคุณภาพสูง รสชาติดี และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกพันธุ์ปลาทับทิมยังมีราคาไม่แพงและสามารถหาซื้อลูกปลาทับทิมมาเลี้ยงได้ไม่ยาก
ตัวอย่างการลงทุนเลี้ยงปลาทับทิมเชิงพาณิชย์
เงินลงทุนเลี้ยงปลาทับทิม จำนวน 1,600 ตัว (2 กระชัง)
1. ค่าลูกปลาตัวละ 2.32 บาท จำนวน 1,600 ตัว = 3,712 บาท
2. ค่าอาหารปลา เบอร์ 9950 128 กิโลกรัม x 18.5 บาท = 2,368 บาท
เบอร์ 9951 1,024 กิโลกรัม x 17.75 บาท = 18,176 บาท
3. ค่าเสื่อมกระชัง = 634 บาท
4. ค่ายา + วิตามิน ประมาณ = 500 บาท
ต้นทุนรวม = 25,390 บาท
5. ขายปลาเลี้ยง (เลี้ยงรอด 85%) = 1,360 บาท
10% น้ำหนัก 450 กรัม (136 ตัว) = 61.2 บาท
90% น้ำหนัก 600 กรัม (1,224 ตัว) = 734.4 บาท
น้ำหนักปลารวม = 795.6 บาท
6. ต้นทุนต่อกิโลกรัม = 32.6 บาท
7. วิเคราะห์ กำไร (ขาดทุน) ของเกษตรกร
บริษัทรับซื้อคืนขนาด 450 กรัม = 30 บาท ต่อกิโลกรัม
เป็นเงิน 61.2 x 30 = 1,836 บาท
บริษัทรับซื้อคืนขนาด 600 กรัม = 40 บาท
เป็นเงิน 734.4 x 40 = 29,376 บาท
รวมเป็นเงินขายปลาทั้งหมด = 31,212 บาท
รายได้ต่อเดือน (2 กระชัง) = 5,822 บาท
กำไร ต่อกิโลกรัม = 7.50 บาท ต่อกิโลกรัม
ทุนค่ากระชังขนาด 3 x 3 x 2.5 เมตร (2 ใบ)
1. กระชังขนาดปลา 3.5 cm. ด้าย #12 ใบละ 1,800 บาท
จำนวน เป็นเงิน 3,600 บาท
2. ถังน้ำมัน 200 ลิตร ใบละ 300 บาท
จำนวน 6 ใบ เป็นเงิน 1,800 บาท
3. เหล็กดำ 1 นิ้ว เส้นละ 280 บาท
จำนวน 4 เส้น เป็นเงิน 1,120 บาท
4. เหล็กดำ 3/4 นิ้ว เส้นละ 280 บาท
จำนวน 3 เส้น เป็นเงิน 720 บาท
5. อวนเขียว 1 ม้วน ม้วนละ 280 บาท
6. ค่าแรงและอุปกรณ์อื่นๆ ในการสร้างกระชัง กระชังละ 2,000 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,500 บาท
มูลค่าต่อกระชัง 1 ใบ 4,760 บาท
- กระชัง 1 ใบ อายุการใช้งาน ปี เลี้ยงปลาได้ 7.5 รุ่น
- ค่าเสื่อมกระชัง ต่อรุ่น 317 บาท
สำหรับขั้นตอนการเลี้ยงอย่างมืออาชีพ
1. จัดเตรียมกระชังปลาสำหรับเลี้ยงปลา ระยะเวลา 4 เดือน เดือนแรก 4 กระชัง เดือนที่สอง 4 กระชัง เดือนที่สาม 4 กระชัง เดือนที่สี่ 4 กระชัง รวมแล้ว 16 กระชัง (เป็นการเลี้ยงครบวงจรดูรายละเอียดการเลี้ยง)
2. เตรียมพันธุ์ปลาทับทิม ลูกปลาทับทิม ที่ยังไม่ได้รับการอนุบาล จะตกราคาตัวละ 50 สตางค์ แต่มีอัตราการเสี่ยงสูง เพราะเมื่อเลี้ยงแล้วจะมีอัตราการตายสูงถึง 60%
3. เตรียมพันธุ์ปลาทับทิม ลูกปลาทับทิม ที่ได้รับการอนุบาลแล้วคือ มีอายุ ประมาณ 2 เดือน น้ำหนักตัวอยู่ที่ 35-40 กรัม ราคาตัวละ 3.50 บาท (ผู้เขียนแนะนำให้ใช้ลูกปลาที่ผ่านการอนุบาลแล้วลดอัตราการเสี่ยง เพราะจะเสียหายเพียง 5-6% เท่านั้น) เมื่อเตรียมพันธุ์ปลาแล้ว (สามารถติดต่อซื้อลูกปลาได้แล้วและกำหนดวันส่งอย่างแน่นอน)
1. นำกระชังปลาที่เตรียมไว้ จำนวน 4 กระชัง ลงน้ำ ไว้เพื่อให้กระชังสร้างความสมดุลกับน้ำและหาข้อบกพร่องของกระชัง ไม่ว่าจะเป็นทุ่นตะแกรง เพราะเมื่อนำลูกปลาลงเลี้ยงแล้ว จะแก้ไขไม่ได้
2. นำลูกปลาที่ผ่านการอนุบาลแล้ว (อายุ 2 เดือน น้ำหนักอยู่ที่ 35-40 กรัม ราคาตัวละ ประมาณ 3.50 บาท) จำนวน 950 ตัว ต่อหนึ่งกระชัง ลงทั้งหมด 4 กระชัง ในวันแรกของการลงลูกปลา หลังจากที่ลูกปลาสามารถปรับสภาพกับน้ำได้แล้ว ให้นำยาปฏิชีวนะ วิตามิน ผสมในอาหารสำเร็จรูป สูตร 9950 เป็นเวลา 7 วัน วันละ 4 ครั้ง คือเวลา 08.00 น. - 11.00 น. - 13.30 น. - 16.30 น. (ไม่ให้เลยเวลาของลูกจ้าง ถ้าเกษตรกรเลี้ยงเอง สามารถยืดเวลาออกไปได้อีก) ให้ดูน้ำหนักของลูกปลาจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 4% (น้ำหนักอยู่ที่ 50-55 กรัม)
3. หลังจากเลี้ยงได้ 7 วันแล้ว ให้อาหารสำเร็จรูปสูตร 9950 โดยไม่ต้องผสมยาปฏิชีวนะและวิตามิน ใช้เวลา 15-20 อัตราการเจริญเติบโตของปลาอยู่ที่ 100-120 กรัม (จากวันที่ลงลูกปลา)
4. หลังจากเลี้ยงได้ประมาณ 1 เดือน ให้เปลี่ยนอาหารสำเร็จรูป สูตร 9951 โดยไม่ต้องผสมยาและวิตามิน ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 60 วัน อัตราการเจริญเติบโตของปลา อยู่ที่ 400-500 กรัม
5. ระยะเดือนสุดท้าย ให้เปลี่ยนอาหารสำเร็จรูป สูตร 9952 โดยไม่ต้องผสมยาและวิตามิน น้ำหนักปลาอยู่ที่ 800 กรัม (เป็นน้ำหนักมาตรฐาน) ซึ่งสามารถจับขายได้ ระยะเวลาการเลี้ยงตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงเวลาจับขาย ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 เดือน (120 วัน)
การเลี้ยงแบบครบวงจร 4 เดือน 16 กระชัง
1. เดือนแรกลง 4 กระชัง (ตามที่เขียนไว้)
2. เดือนที่สอง ให้ลงกระชังเพิ่มอีก 4 กระชัง และเริ่มวิธีเลี้ยงกระชังแรกรวมเป็น 8 กระชัง
3. เดือนที่สาม ให้ลงกระชังเพิ่มอีก 4 กระชัง และเริ่มวิธีเลี้ยงเหมือนขั้นตอนแรกรวมเป็น 12 กระชัง
4. เดือนที่สี่ ให้ลงกระชังปลาเพิ่มอีก 4 กระชัง และเริ่มวิธีเลี้ยงเหมือนขั้นตอนแรกรวมเป็น 16 กระชัง ครบวงจร
เมื่อลงกระชังปลาและเลี้ยงปลาจนครบวงจร 16 กระชัง ในเดือน ซึ่งเป็นการเข้าสู่ระบบการเลี้ยงครบวงจร (เริ่มเก็บผลประโยชน์) คือเกษตรกรสามารถจับปลาขายได้ในเดือนแรก (กระชัง 4 กระชังของเดือนแรก) และต่อมาสามารถจับปลาขายได้ทุกเดือน สร้างรายได้อย่างแน่นอนเป็นระบบหมุนเวียน จับขายแล้วลงลูกปลาต่อ ซึ่งทางเกษตรกรสามารถกำหนดเวลาการขาย การลงลูกปลาอย่างแน่นอน สมกับเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ ต้นทุนการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังแบบครบวงจร 16 กระชัง มีดังต่อไปนี้
กระชังปลา 1 กระชัง สามารถลงลูกปลาได้ จำนวน 950 ตัว ราคาตัวละ 3.50 บาท รวมเป็นเงิน 3,325 บาท ลงลูกปลา 4 กระชัง สามารถลงลูกปลาได้ จำนวน 3,800 ตัว ราคาตัวละ 3.50 บาท รวมเป็นเงิน 13,300 บาท ระยะเวลาการเลี้ยง 4 เดือน (มีอัตราการสูญเสียคิดอัตราสูงสุด ที่กระชัง 50 ตัว) คงเหลือปลาที่สามารถจับขายได้ 3,600 ตัว สามารถขายได้ในกิโลกรัมละ 45-50 บาท (อัตราการขายต่ำที่สุด) น้ำหนักและขนาดของปลาทับทิมที่ได้มาตรฐานอยู่ที่ 800-900 กรัม (สามารถขายปลาได้น้ำหนักรวม 3,240 กิโลกรัม ด้วยราคาปลาที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม จะได้เงินทั้งสิ้นจำนวน 129,600 บาท จำนวนนี้ยังไม่รวมค่าแรง ค่าอาหาร ค่ายา และค่าเสื่อมกระชัง แต่ไม่รวมค่าสร้างกระชัง การเลี้ยงควรจะเลี้ยงเป็นอาชีพ อย่าเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม เพราะการเลี้ยงปลานั้นต้องเอาใจใส่อย่างดี วิธีเลี้ยงที่ดีที่สุดเป็นมาตรฐานคือ เลี้ยงจำนวน 16 กระชัง ซึ่งสามารถใช้แรงงานเพียงแค่ 1-2 คน เท่านั้น
สำหรับการเลี้ยงปลาทับทิมในเชิงพาณิชย์ มีเคล็ดลับอยู่ที่การคัดเฉพาะปลาตัวผู้ไปเลี้ยง เพราะปลาตัวผู้มีลักษณะเด่นคือ โตเร็ว เนื้อเยอะ มีไขมันเยอะกว่า ส่วนสาเหตุที่ไม่นิยมเลี้ยงปลาตัวเมีย เพราะปลาจะออกไข่ก่อนที่จะได้ขนาดที่ตลาดต้องการ ทั้งยังมีพฤติกรรมการอมไข่ และเลี้ยงลูกในปาก ที่สำคัญปลาทับทิมหรือแม้แต่ปลานิลนั้นเป็นปลาที่สามารถออกไข่ได้บ่อย ทำให้ปลาไม่ค่อยกินอาหาร จึงโตช้ามาก หากเลี้ยงตัวผู้ปนกับตัวเมียจะทำให้ไม่สามารถจับปลาพร้อมกันได้ในคราวเดียว จำเป็นต้องยืดอายุการเลี้ยงปลาที่เหลือออกไป จึงไม่คุ้มกับการลงทุน เหล่านี้เป็นเหตุผลให้เกษตรกรนิยมเลี้ยงปลาตัวผู้มากกว่าการเลี้ยงปลาคละเพศ
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และมติชน
ี
ี
|